คนผมบาง อย่าพลาด! การปลูกผม มีกี่วิธี เช็คข้อดี-ข้อเสีย เนรมิตผมหนา ดกดำ รากผมแข็งแรง ห่างไกลหัวล้าน!
ปัญหาผมบาง ผมร่วงถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สาวๆ หนุ่มๆ หลายคนต้องเจอ! ใครเป็นบ้างคะ พอเจอคนที่ผมหน๊าหนา สลวยสวยเก๋ ก็ต้องรีบขอเคล็ดลับดูแลเส้นผมของเขามา ว่าใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนบ้าง พอเราลองมาใช้เองกลับแป๊ก ไม่หนาขึ้น แต่ร่วงเป็นกระจุกซะงั้น วันนี้ Nana Clinic ก็เลยขอพาคุณมาทำความรู้จักกับการปลูกผม ว่ามีกี่วิธี พร้อมเช็คข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแบบกันเลยค่า ซึ่งการปลูกผมก็เป็นวิธีที่เลิศสุดๆ เห็นผลชัดสุด ในการเนรมิตผมหนา ดกดำอีกครั้ง!
ก่อนที่จะไปดูวิธีปลูกผม เราขออธิบายศัพท์เกี่ยวกับการปลูกผมให้คุณเข้าใจสักเล็กน้อยค่า หลายคนสงสัยว่า Safe zone คืออะไร อะไรคือกราฟ? เราก็จะตอบเลยว่า Sweet spot หรือ Safe zone คือ ส่วนผมที่เหลืออยู่ไม่หลุดร่วงจากเราไป แข็งแรงพอจะนำมาปลูกได้ค่ะ ส่วนกราฟ (Graft) ก็คือ เนื้อเยื่อของเส้นผมที่มีความสมบูรณ์ที่จะถูกนำไปปลูกใหม่ แล้วจะปลูกด้วยวิธีไหนนั้น เราก็ได้รวบรวมวิธีปลูกผมมาให้สาวๆ ถึง 4 วิธีแล้ว ตามมาดูกันเลยดีกว่า
-
FUT (Strip techniques)
การปลูกผมแบบ FUT เป็นการผ่าตัดเล็กที่ทั่วโลกให้การยอมรับว่า ช่วยปลูกถ่ายรากผมได้ดีเลยค่ะ ซึ่งวิธีการคือ ใช้มีดผ่าตัดและกล้องจุลทรรศน์ในการผ่านำเส้นผมที่มีรากหรือเซลล์แข็งแรงที่เรียกว่า Safe zone จากด้านข้างศีรษะและท้ายทอย มาปลูกบริเวณผมบางแล้วเย็บแผลให้ติดกัน ซึ่งทำให้เก็บกราฟผมได้มากขึ้น โดยไม่ทำให้ส่วนที่เราเก็บกราฟผมมานั้นดูบางลงนะคะ โดยวิธีนี้สามารถเก็บกราฟได้ตั้งแต่ 2000-10,000 กราฟหรือมากกว่านั้น แต่จะขึ้นอยู่กับปริมาตรของเส้นผมเดิมด้วยค่ะ
ข้อดี รากผมที่ใช้ปลูกเป็น Safe Zone ซึ่งมีเซลล์รากแข็งแรง ทำให้ผมมีอายุยืนยาวไม่หลุดร่วงง่าย วิธีนี้จะช่วยเก็บกราฟผมได้มาก จึงเหมาะกับคนที่ผมบางจากกรรมพันธุ์ นอกจากนี้ FUT ก็ไม่ได้ไปรบกวนไขมันรากผมด้วย ทำให้มีไขมันหุ้มที่กราฟผม ซึ่งช่วยป้องกันการขาดหลุดร่วงจากปัจจัยภายนอกได้ค่ะ
ข้อเสีย FUT เป็นการผ่าตัดเล็ก อาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้ ทำให้ต้องไว้ผมยาวขึ้นมาหน่อย เพื่อปิดรอยแผลนั้น ซึ่งไม่เหมาะกับคุณผู้ชายที่รักการไว้ทรงนักเรียน ไว้ผมเตียนๆ แบบสกินเฮดเลยค่ะ
-
FUE (Follicular Hair Extraction)
FUE หรือ Follicular Hair Extraction วิธีการนี้จะใช้เข็มกลวงเล็กๆ มาเจาะรอบๆ รากผมแล้วเอาคีมดึงเอากราฟผมออกมา อีกวิธีที่ได้รับความนิยมก็คือ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเจาะปั่นผมออกมา แล้วเจาะรูและปักผมลงไปปลูกในบริเวณที่มีปัญหา ทั้งนี้ทาง Nana clinic จะใช้เครื่องมือพิเศษในการเจาะกราฟผม เพื่อคำนวณกราฟของเส้นผมได้แม่นยำขึ้น ทำให้ได้กราฟผมที่สมบูรณ์ที่สุดค่ะ วิธีการนี้สามารถเอาเส้นขนที่มีความแข็งแรงมาปลูกผมได้ เช่น ส่วนหนวดเคราค่ะ
ข้อดี แผลเล็ก ไม่ต้องผ่าตัด หายแล้วไม่ทิ้งรอย ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น จะไว้ผมสั้นเตียนแค่ไหนก็ได้ค่ะ
ข้อเสีย ผมหรือส่วนที่เก็บกราฟมานั้นอาจจะบางลงได้บ้างถ้าเก็บมามาก และมีไขมันที่หุ้มรากผมค่อนข้างน้อยค่ะ
- DHI (Direct Hair Implantation)
การปลูกผมวิธีการใหม่ที่ใช้วิธีการเจาะปั่นนำเส้นผมจากท้ายทอยออกมา ซึ่งคล้ายกับแบบ FUE ต่างที่ DHI จะใช้เครื่อง DHI Implanter ในการนำเส้นผมนั้นมาปลูกได้ในครั้งเดียว มีความสะดวกและรวดเร็วกว่า FUE ค่ะ อีกทั้งทำให้การปลูกผมได้กราฟมากขึ้นด้วยค่ะ
ข้อดี เนื่องจากวิธีการคล้าย FUE จึงไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ไม่ต้องพักฟื้น สามารถควบคุมทิศทางการวางรากผม เพื่อให้เส้นผมที่งอกใหม่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ
ข้อเสีย หากปลูกผมแบบต้องการกราฟเยอะๆ ตั้งแต่ 2000 ขึ้นไป จะใช้เวลานาน เพราะกระบวนการค่อนข้างละเอียด
- PRP (Platelet Rich Plasma)
เทคนิคใหม่ล่าสุดที่คุณไม่ต้องเจ็บตัวเลยค่ะ เพราะ PRP หรือ Platelet Rich Plasma เป็นนวัตกรรมใหม่ในการรักษาผมบาง ศีรษะล้าน ด้วยการฉีดสาร PRP เข้ารากผมโดยตรง ซึ่งวิธีนี้จะต้องนำเลือดของคนที่ต้องการปลูกผมมาปั่นเอาเกล็ดเลือดหรือโปรตีนแบบเข้มข้น แล้วฉีดเข้าไปบริเวณที่เกิดปัญหา ซึ่งจะช่วยให้เส้นผมงอกใหม่ ดกดำแข็งแรงขึ้นค่ะ
ข้อดี ราคาเบาๆ ย่อมเยาที่สุด เจ็บน้อยสุด ไม่ต้องพักฟื้น ผมที่เกิดใหม่ความหนา แข็งแรงขึ้น ช่วยกระตุ้นเซลล์รากผมให้กลับมาสร้างเส้นผมใหม่ได้ ไม่ต้องใช้รากผมจากส่วนอื่นมาปลูก ให้ผลลัพธ์ที่ดีมาก และมีความปลอดภัยสูงค่ะ
ข้อเสีย ผู้ป่วยโรคมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง ภาวะเกล็ดเลือดผิดปกติ เลือดแข็งตัวได้ช้า ไม่ควรฉีด PRP ค่ะ
จบไปแล้วนะคะกับ 4 วิธีการปลูกผม หวังว่าจะช่วยสาวๆ หนุ่มๆ ที่ต้องเจอปัญหาผมบางมานานหลายปีตัดสินใจได้ว่าอยากปลูกผมด้วยวิธีไหน แต่ถ้าสะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องกังวลเรื่องความเจ็บปวดมากนัก เราขอแนะนำ FUE กับ PRP เลยค่ะ ใครอยากทราบเกี่ยวกับเทคนิค PRP แบบเจาะลึก รอติดตามกันน้า!
